Samsung เผยโฉม นาฬิกาอัจฉริยะ SmartWatch ในงาน IFA (1 กันยายนนี้) ภายใต้ชื่อ Gear S3
หลังจากการเปิดตัว Galaxy Note 7 เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ปีก่อนก็ได้เปิดตัว นาฬิกา Gear S2 ในงาน IFA เช่นกัน
สำหรับ Gear S2 สวย หรู น่าเป็นเจ้าของมาก แต่สำหรับ Gear S3 รอชมการเปิดตัวผ่านงาน IFA เร็วๆนี้ และมีการจับตาว่า Samsung จะแก้ปัญหาซอฟต์แวร์ที่เคยเกิดขึ้นหรือไม่
ที่มา Android Central
Wearable Tablet เป็นชื่อเรียก แต่ถ้ามันติดข้อมือเราได้ก็เจ๋ง เหมือนในหนังเลย
Rufus Watch เรียกว่าอะไรดีล่ะ นาฬิกาจอ 3.2 นิ้ว รองรับ Wi-Fi, GPS, Bluetooth, มี ไมโครโฟนในตัว กล้องหน้า video calls ได้ แถมไม่ง้อ smartphone เชื่อมต่ออีกต่างหาก
Rufus Cuff มาจากการระดมทุนของ IndieGoGo ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2014 เรียกว่า สมัยนั้นการระดมทุน wearable นี่ยาก เพราะยุคนั้น wearable ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ก็ทะลุเป้า ได้ทุนไปเกิน $200,000 ที่ตั้งเป้าไว้ ไปปิดอยู่ที่ ประมาณ $490,983 ขนาดยุคนั้น wearable เริ่มๆเข้ามา สัปดาห์ที่แล้วเปิด pre-orders บนเว็บไซต์ official site
Rufus Watch รัน TI Cortex A9 Processor จอ 3.2 นิ้ว เหมือนกลับไปใช้มือถือแรกๆ ความละเอียด 400×240 pixel ไม่ระบุขนาด RAM แต่ถือเป็นทางเลือกสมาร์ทโฟนและเป็นคู่แข่ง Smart Watch ที่แปลกดี
จอแบบนี้ เน้นดูหนัง เอามือวางกับโต๊ะแล้วดู (จะเมื่อยคอไหม) แสดงผลวีดีโอ 16:9 widescreen เจ๋งตรงนี้ ถึงเรียกว่า Wearable Tablet ไงล่ะ เหมือนถอดแบบจากในหนังมาเลย
แต่เดี๋ยวก่อน Rufus Labs เน้นลูกค้าบริษัท ก่อนลูกค้าทั่วไป อารมณ์เซลล์ใช้ขายของได้คล่องตัวประมาณนั้น ส่วนราคาเริ่มต้น $299 สำหรับ 8GB และมีจนถึงรุ่น 64GB
ที่มา androidpit
ปีนี้เป็นปีที่หลายๆคนเฝ้าจับตามองงาน CES กับการเปิดตัว Smart Fitness Watch โดยเฉพาะเรือนที่มีดีไซน์สวยหรู ปรับเปลี่ยนอุปกร์ accessories ได้อย่างยืดหยุ่น และยังคงความโดดเด่นด้าน fitness
Fitbit เปิดตัว Fitbit Blaze™ smart fitness watch ที่มาพร้อม fitness tracker โดยเปิด presale ในเดือนมีนาคม 2016 ซึ่ง Fitbit Blaze ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายให้กับคุณได้ แถมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวให้คุณออกกำลังกายตามเทรนเนอร์
ทวิตจาก BUSINESS WIRE บอกว่า FitStar เป็น Personal Trainer ส่วนตัว ที่ช่วยให้การออกกำลังกายของคุณ ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ต้องรอเทรนเนอร์ส่วนตัวว่างตรงกัน
ผู้ช่วยส่วนตัวอย่าง FitStar™ by Fitbit® เป็นการแสดงผล on-screen workouts สามารถเชื่อมต่อกับ GPS, PurePulse® เพื่อตรวจวัดและจับจังหวะการเต้นของหัวใจ (heart rate tracking) และ SmartTrack™ เรียกได้ว่าเป็นระบบ automatic exercise recognition ที่จดจำรูปแบบการออกกำลังกายของแต่ละคนและช่วยแนะนำเพื่อการออกกำลังกายที่ดีขึ้น
ความแปลกใหม่คือรูปทรงสลิมมากขึ้น เปลี่ยนสายและกรอบได้ สีสันสวยงาม และมีหน้าจอทัชสกรีนสี ทำให้เราปรับแต่งและใส่ไดแม็ตซ์กับเสื้อผ้า นอกจากการออกกำลังกายแล้ว ยังมี smart notifications โทร ส่งข้อความ และปฏิทินแจ้งเตือน แม้จะออกกำลังกาย แต่ถ้ามีงานด่วน มีอะไรสำคัญก็ไม่พลาด แบตอยู่ได้ 5 วัน ทำให้เราออกกำลังกายได้ตลอดโดยไม่ต้องกังวัลเรื่องแบต
สำหรับเทรนเนอร์ส่วนตัว FitStar Personal Trainer เป็น on-screen workouts ที่แนะนำการออกกำลังกาย มีภาพแอนิเมชั่น โดยมี 3 personal trainer ยอดนิยมมาแนะนำการออกกำลังกายผ่าน FitStar โดยวอร์ม (8 นาที), ออกกำลังกาย 7 นาที และบริการ Abs 10 นาที ไม่ต้องใช้แอพหรือสมาร์ทโฟนเลย ทำให้สามารถออกกำลังกายที่ไหนก็ได้
ส่วน Connected GPS ทำให้สามารถวัด real-time exercise ไม่ว่าจะเป็นระยะทาง รอบ นาทีต่อไมล์ โดยเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน (ใช้ GPS จากสมาร์ทโฟนนั่นเอง) หลังออกกำลังกายสามารถ sync ตารางการออกกำลังกาย ผลการออกกำลังกายของคุณเข้า Fitbit dashboard ทำให้ตรวจสอบเส้นทาง สปีด และประเมินการออกกำลังกายของเราได้
นอกจากนี้ PurePulse เป็น wrist-based heart rate tracking ไม่ต้องใช้สายคาดอก แต่ใช้การจับชีพจร วัดอัตราการเต้นหัวใจผ่านข้อมือเรา ทำให้รู้ว่าหัวใจเราเต้นโซนไหน ส่งผลกับ calories burned ในการออกกำลังกาย ข้อดีก็คือไม่ต้องมีสายคาดอกให้เกะกะ
ใครที่เล่นกีฬาหลายๆอย่างน่าจะชอบ Multi-sport mode ทั้งขี่จักรยาน คาดิโอ วิ่ง เวท ยิ่งจับคู่กับการวัด heart rate tracking ยิ่งทำให้เราออกกำลังกายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
SmartTrack automatic exercise recognition ตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกายเรา ตอนที่ออกกำลังกาย ใครเข้าฟิตเนส น่าจะคุ้นเคยกับ aerobic อย่างเช่น Zumba® เป็นการ cardio-kickboxing เตะ ต่อย หรือคลาสเต้นต่างๆ รวมไปถึงเทสนิส บาสเก็ตบอล และซ็อคเกอร์
จุดขายอีกอย่างคือการเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆได้หลากหลาย ทั้งสายหนัง สแตนเลส ยาง ใส่ไปทำงาน ใส่ในยิม เลือกสายให้แม็ตซ์กับชุดและโอกาสต่างๆ
รองรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน Android กว่า 200 รุ่น รวมไปถึงอุปกรณ์ iOS และ Windows mobile
ราคา Fitbit Blaze อยู่ที่ $199.95 (U.S.) เปิด presale แล้วที่ Fitbit.com และจองผ่านร้านในอเมริกาเหนือ รวมไปถึง Amazon, Best Buy, Brookstone, Dick’s Sporting Goods, Macy’s, Sports Authority, Target และ Verizon ส่วนทั่วโลกรอมีนาคมนี้ หลักๆมีสายสี black, blue และ plum (เปลี่ยนสายและกรอบได้)
ราคาอุปกรณ์เสริม เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
ขอไม่แปล ทับศัพท์ดีกว่า
Classic high-performance elastomer bands available in black, blue and plum ($29.95 U.S.)
Luxe genuine leather bands paired with stainless steel display frames available in black, mist grey and camel ($99.95 U.S.)
Luxe stainless steel link band paired with a stainless steel display frame available in silver ($129.95 U.S.)
ที่มา Fitbit
เพิ่มเติมจาก businesswire.com
เมื่อฝั่ง iOS มีงาน World Wide Developer Conference (WWDC) ฝั่ง Google ก็มีงาน Google I/O เป็นงาน Conference สำหรับนักพัฒนาด้วยเช่นกัน
โดยมีสิ่งที่น่าสนใจในงานคือ Mobile Operating System อย่าง Android L ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ของ Google ซึ่งถ้าเทียบก็เทียบกับ iOS 8 ทั้ง 2 ค่ายคิดเหมือนกันคือ notifications บน Lock Screen เอาใจผู้ใช้ให้อ่านการแจ้งเตือนก่อนปลดล็อก ถ้าอันไหนสำคัญค่อยปลดล็อกเปิดเข้าไปอ่าน จะว่าไปก็คล้ายๆกันทั้ง 2 ฝั่ง OS
นอกจากนี้ยังสามารถปลดล็อกอัตโนมัติหากคุณสวมใส่ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับมือถือและแท็ปเล็ตผ่าน Bluetooth (Wearable Device) เมื่อคุณเข้าใกล้อุปกรณ์ ส่วน UI ก็มีการปรับ “pops”ที่ผสานระหว่าง Android, Chrome OS และ Android Wear ทำงานกับ Wearable Device ได้คล่องตัวขึ้น
สำหรับ Android Wear คือ smartwatch platform ของ Google กับ LG Watch และ Samsung Gear Live รวมไปถึง Moto 360 จากผลสำรวจ รู้ไหมว่าผู้ใช้ Android เปิดหน้าจอเช็กมือถือ 125 ครั้งต่อวัน โดยที่เราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ต่อไป Android Wear smartwatch เนี่ยแหล่ะที่จะเข้ามาแจ้งเตือนเราบนข้อมือ ทำให้เราไม่ต้องพะวงหยิบมือถือมาเช็กบ่อยๆ ซึ่ง Android Wear เป็นแพล็ตฟอร์ม ที่ทำให้ผู้ผลิตอุปกรณ์สวมใส่ ผูกการทำงานของอุปกรณ์กับร่างกายและเชื่อมโยงกับสมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต ได้ดีขึ้น
ส่วนการใช้งานในรถยนต์ Android Auto ทำให้มุมมองในการใช้สมาร์ทโฟนขณะขับรถซึ่งอันตรายต่อการขับขี่ แต่ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยแพล็ตฟอร์ม Auto หลังจาก Apple ลุยตลาดด้วย CarPlay
ต่อไป Android Auto จะทำให้การใช้งานสมาร์ทโฟนขณะขับรถปลอดภัยยิ่งขึ้น โทรขณะขับก็ไม่ต้องพะวงให้เสี่ยงอุบัติเหตุ
แนวคิดของ Google คุณไม่ต้องเปลี่ยนรถใหม่ แต่คุณทำงานกับสมาร์ทโฟนได้สะดวกขึ้น (แต่อาจต้องเปลี่ยนสมาร์ทโฟนแทน ฮาาาา)
ส่วน Google Maps ก็เข้ามาอยู่ในรถเรียบร้อย ไปไหนก็ไม่มีหลง (แต่หลงเพราะ Google Maps ก็บ่อย ฮาาา)
มาต่อกันที่ Android TV
หลังจากที่ Google รีแบรนด์ Google TV platform เป็น Android TV
อีกเรื่องคือ Google voice ที่ใช้การค้นหาผ่านการเปล่งเสียงพูด
นอกจากนี้ Android TV ยังรองรับการเล่นเกม โดยมีพันธมิตรคือ Sony, Sharp และ Philips (Samsung ไปหนายยยยยย)
ส่วน Chromecast เรียกได้ว่าปลุกกระแสก่อน Android TV จะเกิดซะอีก กับการเป็น app-streaming dongle กับ Chromecast mirroring บนอุปกรณ์ Android
ตรงนี้เป็นการจับคู่กับ Chrome browser ให้แสดงผล mirroring ได้เหมือนกับบน Apple TV ฝั่ง iOS
Smart Watch ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเป็น Gadget ที่หลายๆคนสนใจ มาก่อนหน้านี้แล้ว บางคนเรียกว่า Wearable Gadget มีแบรนด์ต่างๆทำ Smart Watch ขึ้นมานานแล้ว แต่เมื่อแบรนด์ยักษ์ระดับโลก เปิดตัว Smart Watch จึงเป็นกระแสที่น่าจับตา ล่าสุด Samsung เปิดตัว Galaxy Gear ส่วน Sony เปิดตัว SmartWatch 2
รูปร่างลักษณะของ SmartWatch ก็คือสวมใส่เป็นนาฬิกาข้อมือ บางรุ่นใช้ OS Android เป็นระบบปฏิบัติการขับเคลื่อน บางรุ่นก็ออกแบบเหมือนนาฬิกาข้อมือเป๊ะ แบบว่าถ้าไม่กดก็ไม่รู้ว่ามันคือ Smart Watch
ก่อนหน้านี้ผมได้ลอง COOKOO watch รูปทรงเป็นนาฬิกาข้อมือตามปกติ ซึ่งรองรับการแจ้งสายเรียกเข้า ข้อความ Facebook Twitter และพวก Reminders ต่างๆ ใช้งานร่วมกับ iPhone
แต่สำหรับ SmartWatch โดย Sony, Samsung นี้ เป็นที่จับตามองทั่วโลก ว่าแบรนด์ใหญ่จะทำ SmartWatch ได้น่าสนใจแค่ไหน
Pebble Smartwatch 2013 video from Pebble Technology on Vimeo.
นอกจากนี้ก็มี Pebble ที่ใช้งานบน iPhone และ Android ผ่าน Bluetooth แจ้่งเตือนเสียงเรียกเข้า ข้อความต่างๆได้เช่นกัน จะเห็นได้ว่ามีหลายแบรนด์ โดยส่วนตัวนั้นมองว่า ด้วยความที่เป็นนาฬิกาข้อมือ บางคนอาจจะชอบสายแบบยาง ซิลิโคน บางคนชอบสายเหล็ก แถมการออกแบบ ถ้าคนใส่นาฬิกาจริงๆ อาจจะไม่ชอบรูปทรงของ Smart Watch สักเท่าไหร
ในด้านการใช้งานนั้น Sony SmartWatch 2 รองรับการทำงานกับสมาร์ทโฟน Android ส่วนใหญ่ ในขณะที่ Samsung Galaxy Gear ใช้งานได้กับอุปกรณ์ Android เช่นกัน แต่ในช่วงแรกนั้น รองรับการทำงานกับ Samsung Galaxy Note 3 อันนี้ผู้ใช้น่าจะต้องพิจารณาความต้องการในการใช้งานของตนเอง
ศึก Smart Watch รอบนี้เดือด แต่ใครจะอยู่ ใครจะไป ต้องรอติดตามกัน
ข้อมูลจาก Cnet Cookoo Pebble SmartWatchnews
หลังจากที่มีข่าวลือกันมาอย่างหนาหูตลอดเวลา ถึงเวลาเปิดกล่อง Unpacked Episode 2 Samsung ได้เปิดตัว Galaxy Note 3 พร้อมจอ Super AMOLED ขนาด 5.7 นิ้ว แรม 3GB CPU Quad-Core 2.3GHz และกล้อง 13MP ขนาดเพรียวบางแค่ 8.3 ม.ม. น้ำหนักแค่ 168 กรัม พร้อมสีสันของตัวเครื่องที่สดใส
จุดเด่นคือซอฟต์แวร์ที่มาพร้อมปากกา อย่าง All Command ที่จะแสดงออกมาเมื่อเราถอดปากกา S Pen ออกมา แถมยังจัดการ Scrapbook ได้อีกด้วย ข้อมูลจาก The Verge
ส่วน Galaxy Gear ทาง Samsung ได้จัดกลุ่มในผลิตภัณฑ์ SmartWatch เป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับสมาร์ทโฟนที่แจ้งเตือน ควบคุมการเล่นเพลงได้ มาพร้อมกล้อง 1.9MP ลำโพงในตัว ไมโครโฟน สามารถถ่ายวีดีโอ 720p และจัดการสายเรียกเข้าได้จากนาฬิกา
หลักการทำงานของ Galaxy Gear คือเชื่อมต่อกับ Samsung Galaxy ผ่าน Bluetooth รองรับการทำงานกับ Galaxy Note 3 และ Galaxy Note 10.1 2014 edition และสามารถอัพเกรดซอฟต์แวร์เพื่อใช้กับ Galaxy S4, Galaxy S III และ Galaxy Note II ได้อีกด้วย ข้อมูลจาก The Verge
สำหรับ Galaxy Note 10.1 ตัวนี้เรียกว่า 2014 edition มาพร้อมหน้าจอความละเอียดสูง 2560 x 1600 pixles รองรับ Android 4.3 และ S-Pen
ใช้ CPU 8-core Octa 1.9GHz แรม 3GB กล้องหลัง 8MP กล้องหน้า 2MP มีจำหน่าย 3 ความจุคือ 16GB, 32GB และ 64GB รองรับการเพิ่ม microSD ข้อมูลจาก The Verge